บทส่งท้าย Mobile Suit Gundam: Iron-Blooded Orphans

อารมณ์ยังค้างกับการสิ้นสุดลงของซีรี่ย์กันดั้ม Iron-Blooded Orphans เมื่อวานนี้อยู่ อย่างที่เคยเขียนรีวิวไปในเพจว่าผมไม่ได้ดูซีรี่ย์กันดั้มที่เข้มข้นขนาดนี้มานานแล้วแม้ว่าในตอนจบจะมีหลายๆคนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆว่าจบแย่ ไม่ได้เรื่อง ค้างคา หรือจบแบบไร้ความหมายก็ตาม ส่วนตัวแล้วผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นตอนจบที่ถูกต้องที่สุดแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เรื่องที่ผมจะเขียนถึงจากนี้คือ เนื้อหาบางส่วนที่ผมอยากเล่าให้ฟัง แน่นอนจะมีการสปอยส์เยอะมากและขอย้ำไว้ก่อนเลยว่าทั้งหมดเป็นความคิดส่วนตัวของผมที่มโนไปคนเดียว 555 ฉะนั้นข้อมูลผิดถูกประการใดหรือออกทะเลไปไกลมากก็ขออภัยด้วย



1. ยังคงรูปแบบเดิมๆของซีรี่ย์กันดั้มไว้

การต่อสู้ระหว่างกลุ่มทหารรับจ้าง(เด็กๆ) Tekkadan และ กองกำลังรัฐบาลโลก Gjallarhorn ใน season 1 ดูจากสเกลแล้วบอกได้เลยว่าไม่มีทางที่ Tekkadan จะทำสำเร็จได้แน่นอน เรื่องนี้ Orga Itsuka หัวหน้ากลุ่ม Tekkadan ก็รู้ตัว จึงได้ใช้วิธีการคบค้าสมาคมกับกลุ่มต่างๆระหว่างทางเพื่อเป็นตัวช่วยในการเดินทางไปยังโลก เริ่มต้นจากการไม่มีอะไรเลยนอกจากกันดั้มหนึ่งเครื่องกับนักบินสุดโหดอย่าง Mikazuki Augus และโมบิลเวิร์คเกอร์จำนวนหนึ่ง ค่อยๆไล่สะสมหุ่นชาวบ้านไปเรื่อยๆจนกระทั่งโชคดีที่ได้กลุ่ม Teiwaz กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมและการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในอวกาศมาเป็นพันธมิตรด้วย ตรงนี้เราจะเห็นวิธีการที่ Orga ใช้เพื่อพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ Teiwaz ยอมรับ แต่เอาจริงๆมันเป็นเพียงแค่การแสดงความใสซื่อในแบบเด็กๆที่มีจุดหมายแต่ไม่รู้วิธีจะไปให้ถึงเลยต้องมาร้องขอให้ผู้ใหญ่ช่วยแต่ก็ด้วยความซื่อแบบนี้แหละที่ทำให้ผู้ใหญ่อยากช่วยเหลือ ซึ่งตรงนี้เองที่เราจะเริ่มเห็นการพัฒนาของ Orga วิธีการคิดต่างๆ ความพยายามที่จะเป็นผู้ใหญ่ เพื่อที่จะเป็นผู้นำและปกป้องพวกพ้องของตนอย่างเต็มตัว และมันไม่ง่ายเลยเพราะแทบจะอยู่กับการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายตลอดเวลา

อาจจะฟังดูไม่ใช่เหตุผลแต่เพราะเหตุนี้ทำให้ฉากการต่อสู้ดูเป็นเรื่องรองและการสนทนากันของตัวละครกลับเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากกว่า จะสังเกตได้ว่าตัวละครผู้ใหญ่บางคนมักจะพูดกำกวมหรือให้คำแนะนำแปลกๆกับ Orga และต้องไปตีความเองอยู่บ่อยครั้ง Orga ก็จะเริ่มเรียนรู้วิธีการคิดนั้นๆและพยายามใช้วิธีการพูดแบบเดียวกันบ้าง แต่พอไปอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่การกระทำเหล่านั้นกลับดูตลกเสมอ โดยเฉพาะกับพี่ชายอย่าง Naze นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการวางตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์เช่น เมื่ออยู่กับมิตรก็แสดงออกอย่างเคารพ เมื่ออยู่กับศัตรูหรือคนที่ไม่ไว้วางใจก็จะต้องแสดงท่าทีไม่อ่อนข้อใดๆ สำหรับผมแล้ว Orga กลายเป็นตัวละครที่ไม่ใช่นักบินที่ผมชอบที่สุดไปแล้ว



2. พระเอกไม่จำเป็นต้องชนะจริงๆ

เมื่อถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและเป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มกบฏอย่าง McGillis Fareed ด้วยจึงไม่แปลกเลยที่ Tekkadan จะถูกกำจัด Rustal Elion ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Seven Star ของ Gjallarhorn ที่กุมอำนาจและกองกำลังทหารส่วนใหญ่เอาไว้ เมื่อมีกลุ่มกบฏออกมาสร้างความเสียหายให้กับกองทัพจึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องกำจัดเพื่อรักษาเกียรติและความมั่นคงไว้ แน่นอนเมื่อขึ้นชื่อว่ากบฏหรือผู้ก่อการร้ายก็ไม่จำเป็นต้องมีความปราณีใดๆ ไม่จำเป็นต้องสนใจวิธีการหรือความเท่าเทียมกับศัตรู ต้องกำจัดเท่านั้น หลายๆคนอาจมองว่ามันไม่แฟร์ที่ Rustal ใช้กำลังคนมากกว่าหรือใช้อาวุธต้องห้ามในการทำศึกช่วงท้ายเรื่อง ทำให้ Tekkadan เละเป็นโจ๊กแต่ผมกลับมองว่ามันเป็นเรื่องปกติจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น

ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษความทะเยอทะยานของ Orga ที่ดันไปหลงเชื่อคำพูดวาดฝันอันสวยงามของชายสวมหน้ากากอย่าง McGillis ความปรารถนาที่เกินตัวอยากจะเป็นราชาของดาวอังคารทำให้ความคิดแบบเด็กๆของ Orga กลับมามีบทบาทอยู่พักหนึ่งและสุดท้ายแม้จะรู้ตัวในภายหลังมันก็สายเกินไปแล้ว และบทเรียนแสนแพงที่ได้คือการต้องเห็นสิ่งที่ตัวเองสร้างมาค่อยๆหายไป

แต่ผลที่ได้ไม่สูญเปล่าไปแน่นอน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานี้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในอนาคตข้างหน้าอย่างชัดเจน การที่เห็นเด็กหนุ่มสาวออกมาต่อสู้กันเพื่อเรียกร้องอิสรภาพหรือความเท่าเทียมต่างๆจนเกิดเป็นสงครามและมีการสูญเสียจำนวนมาก ทำให้ชนชั้นปกครองเริ่มตระหนักถึงสภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาต่างๆที่ละเลยไม่ได้รับการดูแลหรือแก้ไขกำลังกัดกินความเป็นอยู่ของมวลมนุษยชาติ มันถึงเวลาแล้วที่ทุกอย่างจะต้องได้รับการแก้ไขและพัฒนา หลายปีต่อมาความเป็นอยู่ของชาวโลกและดาวอาคารพัฒนาขึ้นมากๆ ทั้งในด้านการชนส่งการคมนาคม ด้านทรัพยากรด้านการศึกษาและด้านการปกครองที่ในที่สุดดาวอังคารกับโลกก็สามารถทำสนธิสัญญาสำเร็จ Rustal Elionไม่ใช่ผู้ร้าย Orga หรือ McGillis เองก็ไม่ใช่ผู้ร้าย ทุกคนต่างมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีขึ้น อยากเป็นอิสระ จะต่างกันก็ตรงที่วิธีการที่ McGillis เลือกใช้ทางลัดและดึง Orga มาพัวพันด้วยจึงทำให้มีสถานะแตกต่างกัน สำหรับผมแล้วการจบแบบนี้ถือว่า Happy Ending นะ ถ้ามองที่ความปรารถนาของตัวเอกก็คือการให้พวกพ้องมีความสุขและอยู่รอดปลอดภัย ก็ถือว่าเป้าหมายลุล่วงไปแล้วทั้ง Mika และ Orga และการเห็นคุณภาพชีวิตที่ดีของคนที่เหลือก็ถือว่าสวยงามแล้วเช่นกัน (เว้นแต่ Ride ที่เลือกเดินเส้นทางต่างจากคนอื่นๆ) ตัวละครฝั่งตรงข้ามอย่าง Gaelio, Julieta ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากสงครามและเปลี่ยนวิธีคิดในที่สุด



3. ความหมายของหน้ากาก

โดยปกติแล้วผมจะชอบตัวละครสวมหน้าการในซีรี่ย์กันดั้มหลายๆเรื่อง เพราะมักจะเป็นตัวละครที่มีอุดมการณ์ มีความทะเยอทะยาน มีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นนักวางแผนและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เป็นทั้งคนดีและผู้ร้ายที่สำคัญคือดูเท่ ภาคนี้ได้ส่งคนสวมหน้ากากมาถึงสองคนด้วยกัน รูปแบบการมาของมันคล้ายๆภาค Seed คือคนที่สองเป็นคนที่กลับมาจากความตาย

McGillis Fareed สวมหน้ากากตลกๆสีทอง(แถมมีวิกด้วย)เพื่อดำเนินแผนการปฏิวัติด้วยตนเองในชื่อ Montag โดย McGillis ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองและทุกภาคส่วนของ Gjallarhorn ที่ค่อยๆเสื่อมถอยลงเรื่อยๆซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้จำเป็นต้องขึ้นไปอยู่ในระดับหัวหน้าใหญ่ของ Gjallarhorn เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพียงแค่เปลือกเป็นสิ่งที่เขาใช้บอกกับคนอื่นๆถึงสาเหตุของความทะเยอทะยานนี้ เขาเพียงต้องการใฝ่หาพลังอำนาจที่สูงสุด อำนาจที่มากพอจะทำให้เขาเป็นอิสระจากทุกสิ่ง เพราะเขามีชีวิตวัยเด็กอันโหดร้ายอยู่กับการกดขี่ข่มเหงและความทรมานมาโดยตลอด เมื่อได้รู้เรื่องราวของวีรบุรุษผู้ก่อตั้ง Gjallarhorn ก็ทำให้เขามีแรงผลักดันในการใช้ชีวิตขึ้นมา เป็นตัวละครที่ตอนแรกรู้สึกชอบและคาดหวังว่าต้องมีแผนการอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ แต่พอหลังๆรู้ว่ามันคิดจะใช้ Gundam Bael เป็นสัญลักษณ์และยึดครอง Gjallarhorn ตอนนั้นแหละที่รู้สึกว่ามันมีความคิดเด็กมากๆ ชื่นชอบในความทะเยอทะยานนะ แต่ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งคือ McGillis คาดหวังในตัว Mika มากเกินไป พอได้เห็นความสามารถอันน่าเหลือเชื่อของ Mika ก็ทำให้เขาขาดสติและใจร้อนจนตัดสินใจทำการปฏิวัติในที่สุด ถ้าหาก McGillis ไม่เจอ Mika ในตอนแรกเขาอาจจะค่อยๆไต่เต้าและค่อยๆเปลี่ยนแปลงมันจากภายในอย่างช้าๆและอาจทำสำเร็จก็เป็นได้ แต่อย่างน้อยตอนจบนายก็เล่นบทเกนจิทาคิยะ(Crow Zero) บวกกับศัตรูด้วยตัวคนเดียวและสู้อย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว (จริงๆ McGillis เป็นนักบินที่เก่งมากนะ กับหุ่นโบราณที่ไม่ได้รับการปรับแต่งอย่าง Bael ยังสามารถสู้กับหุ่นเป็นสิบๆตัวและสู้กับ Kimaris ที่ปรับแต่งมาไม่รู้กี่รอบแล้วอย่างสมน้ำสมเนื้อด้วย เสียดายฝีมือจริงๆ)

Vidar คนสวมหน้ากากคนที่สองของภาคนี้ แทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Gaelio Bauduin เพื่อนผู้ถูกหักหลังและคิดว่าถูกกำจัดไปแล้วใน season 1 กลับมาสวมหน้ากากเพื่อตามแก้แค้นคนที่หักหลังเขา ต้องขอแสดงความยินดีกับบทคนหัวม่วงที่ภาคนี้สามารถเอาชนะคนหัวทองได้แล้ว (ใครเคยดู Gundam UC คงเข้าใจ) Gaelioไม่เพียงแต่ต้องการแก้แค้น แต่ต้องการรู้ความจริงว่า McGillis ต้องการอะไรกันแน่ ย้อนกลับไปใน season 1 จะพบว่าจุดเริ่มต้นของสหายคู่นี้เคยมีสหายอีกคนหนึ่งที่เป็นหญิงแกร่ง Carta Issue ทั้งสามคนเป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็กๆ Carta ชอบ McGillis ในขณะที่ Gaelio รู้และตัวเองก็ชอบ Carta จุดแตกหักมาอยู่ที่การต่อสู้ที่พรากชีวิตของ Carta ไปเธอสิ้นใจในอ้อมแขนของ Gaelio และเมื่อ Gaelio รู้ความจริงว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้คือ McGillis เอง มันทำให้เขาบ้าคลั่งและพ่ายแพ้ต่อ McGillis ไปในที่สุด Gaelio สวมหน้ากากและเลือกที่จะทำงานให้กับ Rustal เพื่อเป็นฉากบังหน้า ในการหาโอกาสสู้กับ McGillis อีกครั้งและเขาก็ทำสำเร็จ

สำหรับผมหน้ากากทั้งสองอันนี้สะท้อนเรื่องราวสองเรื่อง คืออุดมการณ์และมิตรภาพ McGillis เลือกที่จะหันหลังให้กับมิตรภาพเพื่อสานต่ออุดมการณ์ของตนจึงตัดสินใจสวมหน้ากากเพื่อละทิ้งมิตรสหายที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน Gaelio เลือกที่จะหาความหมายที่แท้จริงขอมิตรภาพที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขา จึงได้สละชื่อเสียงและเกียรติยศอันสูงส่งของตระกูลตัวเองไปรับใช้ตระกูลอื่น เพื่อหนทางสู่คำตอบนั้นอีกครั้ง และเมื่อศึกสุดท้ายที่ทั้งสองเจอกันต่างก็ได้คำตอบที่หน้าเศร้าแต่ไม่ค้างคาอีกต่อไปแล้ว และเป็นวันที่ทั้งสองคนได้สละหน้ากากออกไปจริงๆ

---------------------------------------------------

ก็หวังว่าในอนาคตจะมีซีรี่ย์กันดั้มดีๆแบบนี้อีก ขอบคุณสำหรับความสนุกสนานและความบันเทิง
GUNDAM IBO

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Hollow Knight บันทึกการเดินทาง 05-08

Hollow Knight บันทึกการเดินทาง 02-04